
Friday, February 9, 2007
You tube?..
วิธีที่ง่ายที่สุด ในการดาวน์โหลดว๊ดิทัศน์จาก YouTube หรือ Google Video
VideoDownloader จะเพิ่มความสามารถให้แก่ Firefox ทำให้เราสามารถดาวน์โหลดวีดิทัศน์ได้ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียว
-หน้าต่าง Software Installation เปิดขึ้น ขอความยินยอมในการติดตั้งคลิก Install Now
-ปิดหน้าต่าง Firefox แล้วเปิดใหม่จะเห็นไอคอนของ VideoDownloader ที่ status bar
การใช้
-ที่หน้าเว็บที่มีวีดิทัศน์ หรือ object ที่ต้องการ คลิกปุ่ม VideoDownloader
หน้าต่าง VideoDownloader จะปรากฏขึ้น
-คลิกแป้นขวาของเมาส์ที่ปุ่ม DOWNLOAD LINKเลือกคำสั่ง Save Target As… หรือ Save Link As…
-เปลี่ยนสกุลของไฟล์เป็น .flv (กรณีที่วีดิทัศน์เป็น flash เช่น YouTube และ Google Video)
ที่สำคัญ คือ ต้องกำหนดชื่อไฟล์ในเครื่องหมาย ” เช่น “filename.flv”
-คลิกปุ่ม Save รอจนดาวน์โหลดไฟล์ครบ 100%สำหรับไฟล์ .flv แนะนำให้ดูด้วยโปรแกรม FLV Player (http://www.martijndevisser.com/blog/article/flv-player-updated)
ไม่เพียงแต่ Youtube และ Google Video เราสามารถใช้ VideoDownloader ดาวน์โหลดวีดิทัศน์ได้จากเว็บไซต์ต่างๆ ต่อไปนี้:

Tuesday, February 6, 2007
วิกิพีเดีย+++
ประโยชน์
- เป็นเว็บที่สามารถเข้ามาหาข้อมูลหรือ update ความรู้ได้ทุกเรื่องและ ตลอดเวลา
- รวมเรื่องราวที่เกี่ยวข้องของทั่วโลก
- เป็นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคนอื่นได้อีก
- สามารถหาข้อมูลได้ทุกเรื่องและรวดเร็วอีกด้วย
คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้หลากหลายอย่าง หาอะไรที่สามารถปรับปรุงได้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหา การเขียนและการใช้ภาษา หรือว่าการจัดรูปแบบ ถ้าอ่านแล้วรู้สึกติดขัด อาจจะขัดเกลาภาษาเพิ่ม เมื่ออ่านแล้วรู้สึกว่าควรเติมเนื้อหา คุณสามารถเพิ่มเติมได้อย่างง่ายดาย และไม่ต้องห่วงเลยว่าจะทำให้วิกิพีเดียเสียหาย เพราะว่าทุกอย่างสามารถแก้ไขหรือปรับปรุงไปได้เรื่อย ๆ ดังนั้น เริ่มทำได้ มาช่วยกันแก้บทความ และทำให้วิกิพีเดียเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดในอินเทอร์เน็ตกันเถอะ ลองดูส่วนหนึ่งที่คุณช่วยวิกิพีเดียได้ในหน้า คุณช่วยเราได้ และอย่ากลัวที่จะแก้ไขบทความบนวิกิพีเดีย — สารานุกรมที่ใครก็สามารถช่วยเขียนได้ และยิ่งไปกว่านี้ ทางเรายังสนับสนุนให้ผู้ใช้ กล้าแก้ไขบทความ!
การแก้ไขบทความทำได้ง่ายๆ:
1. กดที่ แก้ไข ที่ตอนบนของหน้าบทความ คุณสามารถทดลองการแก้ไขได้ที่หน้านี้ หรือที่หน้ากระบะทราย
2. พิมพ์ข้อความลงไป
3. กดปุ่ม บันทึก ที่ด้านล่างของหน้าเพื่อบันทึกการแก้ไขของคุณ ...
หรือกดปุ่ม ดูตัวอย่าง
เพื่อทดลองดูผลลัพธ์ของการแก้ไขการเข้าเว็บของวิกิพีเดีย
คือ เข้าไปที่ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%81 (search ที่ www.google.co.th)
Wednesday, January 31, 2007
MP๔
MP3 คืออะไร?MP3 ย่อมาจาก MPEG Audio Layer 3 (ไม่ใช่ MPEG เวอร์ชั่น 3 อย่างที่หลายๆคนเข้าใจ) MPEG เป็นชื่อย่อของคณะทำงาน Moving Picture Export Group ที่ได้วางมาตรฐานของการย่อข้อมูลภาพเคลื่อนไหว เช่น ภาพยนตร์หรือวิดีโอที่บันทึกในคอมพิวเตอร์ให้มีขนาดเล็กลง เพื่อให้สามารถบันทึกลงในสื่อ เช่น ฮาร์ดดิสก์หรือแผ่นซีดีได้พอ ลองนึกภาพข้อมูลที่ไม่มีการย่อ เช่น แผ่นเลเซอร์ดิสก์แบบเดิมที่มีขนาดพอๆกับแผ่นเสียง ด้านหนึ่งบันทึกได้ประมาณ 1 ชั่วโมง แต่ปัจจุบันสามารถย่อลงในแผ่นวิดีโอซีดี (VCD) ขนาดเท่าแผ่นซีดีธรรมดา ซึ่งก็บันทึกได้ประมาณหน้าละ 1 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้งสองอย่างหากบันทึกหนังยาวเกินชั่วโมงก็ต้องกลับหน้าใหม่หรือเปลี่ยนแผ่นเหมือนกัน หากเปรียบเทียบแผ่นเลเซอร์ดิสก์กับแผ่นวิดีโอซีดีต่อ ก็จะเห็นได้ว่าคุณภาพของภาพและเสียงของเลเซอร์ดิสก์นั้นดีกว่าวิดีโอซีดี ทั้งนี้เพราะการย่อข้อมูลในแบบนี้จะทำให้คุณภาพของภาพและเสียงลดลงไปบ้าง เช่น ถ้าเป็นภาพก็อาจขาดความคมชัดหรือเกิดเป็นจุดสี่เหลี่ยมเป็นบางครั้ง แต่ถ้าเป็นเสียงก็อาจขาดความสดใส หรือรายละเอียดของเสียงบางช่วง บางความถี่จะหายไป แต่ก็ไม่มากนัก ขึ้นกับเครื่องมือที่ใช้เล่นและความไวของผู้ฟังผู้ชมแต่ละคน แต่โดยทั่วไปแล้วก็จะอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้สำหรับภาพ หรือถ้าเป็นเสียงก็อาจแยกความแตกต่างไม่ออกถ้าไม่ตั้งใจฟังนัก MP3 ก็คือเทคโนโลยีที่ใช้ย่อข้อมูลเสียงของมาตรฐาน MPEG 1 นั่นเอง โดยสามารถย่อข้อมูลเสียงให้เล็กลงได้ประมาณ 10 ถึง 12 เท่าเมื่อเทียบกับข้อมูลเสียงแบบเดิมๆ ที่ได้จากการบันทึก เช่น ไฟล์ .wav ที่ได้จาก Sound Recorder ของ Windows เอง หรือแปลงจากเพลงที่บันทึกในแผ่นซีดีเพลงทั่วไปออกมาตรงๆ ซึ่งจะมีขนาดประมาณ 10 เมกะไบต์ต่อเสียงความยาว 1 นาที ในขณะที่ MP3 จะมีขนาดเพียงประมาณ 1 เมกะไบต์ต่อ 1 นาทีเท่านั้น ดังนั้นถ้าแผ่นซีดีเก็บได้ 650 เมกะไบต์ก็จะบรรจุเพลงแบบ MP3 ได้ถึง 650 นาทีหรือเกือบ 11 ชั่วโมง!
เพื่อนสามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้จาก
http://www.provision.co.th/pcdirect/index.php?itemid=123&catid=6
MP4
MP4 ก็เป็นเทคโนโลยีการบีบอัดข้อมูลแบบใหม่ ที่พัฒนาต่อเนื่องมาจาก MP3 อะ
MP4 คือ ประเภท File Media ซึ่งพัฒนามาจาก MP3 MP4 เป็น file คล้ายกับ MPEG คับ คือ เป็น file หนัง นั่นเอง การดู file MP4 เราจะใช้คอมแหละคับ หรืออาจจะใช้ เครื่องเล่น mp4 ที่มีวางขายทั่วไป (เฮอๆ mp3 เตรียม ลงถังขยะเลย!!)
MPEG4 Internation Standard Organization เทคโนโลยีตัวนี้เป็นมาตรฐานเปิดที่ผู้ผลิตและพัฒนาฮาร์ดแวร์ อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ สามารถใช้งานได้ แต่ MP4 เป็นลิขสิทธ์เฉพาะของGMOเท่านั้น หลายคนอาจเข้าใจไปว่า MP4 เกิดจาก การพัฒนามาจาก MP3 (MPEG-1 Layer3) แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ เทคโนโลยี MP4 ได้รับการพัฒนาและเป็นลิขสิทธ์เฉพาะของ GMO (Global Music Outlet) ไม่ใช่มาตรฐานเปิดเหมือน MP3ที่ใครๆก็สามารถใช้งานได้ ดังนั้นเพลงทุกเพลงที่อยู่ในรูปแบบไฟล์ข้อมูล MP4 จเป็นไฟล์เพลงที่ได้รับการอนุญาติจากเจ้าของลิขสิทธ์อย่างเป็นทางการแล้ว MP4 มีคุณสมบัติหลายๆอย่างที่แตกต่างจาก MP3 พอจะแยกแยะให้เห็นได้บ้างคือ ไฟล์เพลง MP4 ทุกไฟล์จะมี Link เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของกลุ่มศิลปินหรือเจ้าของลิขสิทธ์เพลงบน Internetไฟล์ MP4 มีคุณภาพเสียงที่ดีกว่าไฟล์ MP3 และยังมีขนาดของไฟล์เล็กกว่าด้วย (MP4 มีอัตราส่วนในการบีบย่อ 16:1 ในขณะที่MP3 มีอัตราส่วน11:1) MP4 เป็นไฟล์ที่สามารถเรียกขึ้นใช้งานได้โดยไม่ต้องอาศัย แอพพลิเคชันใดๆ ในการเล่น (แบบไฟล์EXE) ระบบป้องกันความปลอดภัยในการดาวน์โหลดไฟล์ข้อมูลของมาตรฐาน MP4 เป็นของบริษัทAT&Tมีชื่อว่า a2b ไฟล์เพลงMP4 ยังรวมเอาเทคโนโลยีที่ทำให้สามารถติดตามหาแหล่งที่มาได้แม้ในขณะที่กำลังถูกกระจายเสียงในรูปของสัญญาณวิทยุ AMหรือFM ภายในไฟล์MP4 ได้รวมเอากราฟิก,Link เชื่อมโยงไปยังเว็บเพจและข้อมูลตัวอักษรที่สามารถเลื่อนสกรอลล์บาร์ดูได้อย่างไม่จำกัด
* Recording : การบันทึก
* Standard : มาตรฐาน
* Internation : นานาชาติ, สากล
* Industry : อุตสาหกรรม
*Association : สมาคม, การรวมกัน
* Initiative : การริเริ่ม
Picaza*
Picasa คือซอฟท์แวร์ที่จะช่วยให้คุณค้นหา แก้ไข และแลกเปลี่ยนภาพที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว คุณสามารถเริ่มต้นโดยใช้ Picaza เพื่อนำภาพถ่ายออกจากกล้องอย่างง่ายดาย และจัดเรียงพร้อมทั้งแสดงผลเป็นอัลบั้มตามวันที่ พร้อมด้วยชื่อโฟลเดอร์ที่คุณสามารถจดจำได้ คุณสามารถลากและวางอัลบั้ม และทำป้ายกำกับเพื่อสร้างกลุ่มใหม่ๆ
* เข้าไปที่ www.google.co.th
* search ว่า Picasa- link เข้าไปเพื่อค้นหา
* แล้วเราจะเห็นคำว่า Download Picaza อยู่ขวามือ click เข้าไป
* จากนั้นให้ set up/install ลงเครื่องPicazaสามารถ scan
หารูปที่มีทั้งหมดในเครื่องของเราได้ ไม่ว่าจะถูกซ่อนอยู่ file ไหนก็ตามแต่ในอีกกรณีนึง
คือเราสามารถแยก scan หาทีละ file ก็ได้
1.simplicity : ง่าย
2. install/set up : ติดตั้ง
3. permission : ยินยอม
Thursday, December 21, 2006
Make Slide Show



มาดูขั้นตอนการทำ slide กันค่ะ
1. เป็นภาพตัวอย่างหรือแสดงภาพที่เราทำ ค่ะ
2.Add Photos From ที่สำหรับให้เราใส่รูปภาพใน slide
2.1 ที่ให้เราใส่ภาพ คลิคที่ช่องสี่เหลี่ยมอันที่สองเพื่อเลือกรูปภาพค่ะ
2.2 คลิคเมื่อเราเลือกรูปได้แล้ว
แค่นี้รูปที่เราเลือกก็จะแสดงตรงที่ ข้อ 1. จ้า
3. Customize เป็นส่วนที่เราใช้ตกแต่งการ Show slide
เช่น การเลื่อนของภาพ /ขนาดของภาพ /ระยะเวลาความเร็วการเลื่อนภาพ
Save Slide

มื่อเราทำ slide เสร็จสิ้นสวยงามแล้วทำการ คลิกที่ SAVE ค่ะ
1. คลิกที่ blogber beta เพื่อเก็บ slide ของเราไว้ใน blog
2. ใส่ username & password แล้วคลิก Add!
3. เป็นช่อง code ภาพslideของเรา สามารถ copy ไปวางใน blog ของเราได้โดยทำตามขั้นตอนที่ 4.
4. เป็นวิธีที่บอกขั้นตอนการนำ slideไปใส่ใน blog ให้เราทำตาม step 1,2,3...
แค่นี้เราก็จะได้ ภาพ slide show สวยๆที่เราทำเองให้ เพื่อๆได้ชมกันแล้วเจ้าค่ะ
^ ^"
Monday, November 27, 2006
~Google TOolbar~

เราสามารถเลือกหา toolbar ที่เราต้องการเอามาใช้งานได้ตามความต้องการ
เลือกเข้าไปจะมี Blog Buttons ให้เราสามารถเลือก add แล้วนำมาใช้ได้
แล้วแทบที่เราได้ add มานั้นจะอยู่บนแทบ bar